ความสุขทางโลก คือ ความสบายกาย สบายใจ ความสมหวัง
ความสุขทางธรรมคือ ความสงบสุข ความว่างจากทุกข์ทั้งปวง
เราอาจถามตนเองว่า วันนี้ความสุของเรามาจากไหนบ้าง
ความสุขแต่ละคนมีที่มาแตกต่างกัน บางคนความสุขมาจาก การได้ปลูกต้นไม้ซักต้น คอยเอาใจใส่ ให้น้ำให้ปุ๋ย พรวนดิน เฝ้ารอคอยให้มันเติบใหญ่ เพื่อรอคอยการรับออกซิเจนจากมัน
บางคนความสุขอาจเกิดจากการได้อยู่กับครอบครัว คอยเลี้ยงดูเด็กๆ เฝ้า เลี้ยงดู พร่ำสอนให้ความรู้ ให้สติปัญญา เอาใจใส่สุขอนามัยพวกเขา แล้วบอกตัวเองว่า วันนี้เราได้ทำหน้าที่สมบูรณ์อีกวันหนึ่ง เรามีความสุขมากนะวันนี้
เราอาจสร้างสขได้หลายๆวิธีแล้วแต่เราจะออกแบบให้เป็นแบบไหน
อาจจะทำความดีเล็กๆน้อย มีนำใจแก่เพื่อนๆ ชักชวนกันทำความดี ไม่ทำชั่ว ทำสมาธิภาวนา เพื่อชำระล้างจิตใจให้ผ่องใส แล้วบอกตนเองว่า วันนี้เป็นวันที่เรามีความสุขเพราะเราได้ทำความดีแม้เป็นความดีเล็กๆน้อยก็ตาม
ความสุขเกิดจากการมีสิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดฟุ้งซ่าน เพราะการมีสติกับปัจจุนขณะทำอะไรก็ตามเราก็มีสติอยู่ทุกเมื่อ เราก็มีสุขได้ เพราะได้ตัดช่องทางแห่งทุกข์ไปได้
ความสุขเกิดจากการมองโลกในแง่ดี อย่าคิดว่าการเกิดมามีแต่ความทุกข์ แต่จริงๆแล้วสุขทุกข์เป็นของคู่กัน เหมือนชายคู่หญิง กลางวันคู่กลางคืน พระอาทิตย์ คู่พระจันทร์เป็นต้น
วันใดเรามีทุกข์ต้องหาสาเหตุว่าทุกข์เกิดจากสาเหตุใด อย่าหนีปัญหา แต่ให้ใช้ปัญญาแก้ปัญหา แก้ไม่ได้ก็ค่อยๆแก้ คิดเสมอว่า ปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอ ในโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุด ขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรดีที่สุดเช่นกัน
ความสุขเกิดจากความรู้จักพอดี รู้จักคำว่าพอเพียง พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ ยินดีในสิ่งที่เราได้ อย่าทะเยอทะยานเกินกำลังความสามารถของตน รู้จักประมาณตนเองเสมอว่า สิ่งนี้เราทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ เพราะจะนำพาเราไปสู่ความทุกข์
ความสุขเกิดจากการคิดปรุงแต่งในเชิงบวก คิดว่าเราโชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นมนุษย์ มีสติปัญญา เกิดมาทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แล้ว เราจึงมีความสุขตามอัตภาพที่เราเป็นอยู่
สรุปสุดท้าย สุขหรือทุกข์เกิดจากใจเราต่างหาก หากเราคอยระวังจิตใจเรา คอยรักษาจิตใจเราไม่ให้ขุ่นมัว คอยตามดูจิตของเราเสมอ หรือคอยชำระล้างจิตใจ หมั่นฝึกจิตให้ใสสะอาดอยู่เสมอ อย่าลืมว่าจิตใจเราก็ต้องการการชำระล้าง เหมือนร่างกายเราต้องการอาบน้ำชำระร่างกายให้หมดจด สะอาด เช่นกัน
ทำใจให้เป็นสุขอยู่เสมอ ฝึกใจให้ยอมรับความจริง รู้จักสัจธรรมชีวิต ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน อย่าจริงจังกับชีวิตมากเกินไป ให้เดินทางสายกลาง ( มัชฌิมาปฏิปทา) อย่ายึดมั่นถือมั่นอะไรมากเกินไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ของเรา
อะไรที่เราคิดว่าเป็นของเรา ซักวันมันก็ต้องจากเราไป ถ้าคนไม่รู้ไปยึดมั่นถือมั่นก็จะเกิดทุกข์ตามมา จิตใจเราหากรู้จักพอดี อย่าโลภมาก อยู่ตามอัตภาพ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำความดีให้ถึงพร้อม แค่นี้เราก็สุขใจแล้ว ไม่ต้องใช้เงินทองซื้อแลกมา ก็สุขได้ สุขเพราะใจมีความพอดี สุขเพราะใจรู้จักปล่อยวาง สุขเพราะใจสงบ
petch viengping


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น